สรุปทีเด็ด– จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งจะโดนปีศาจแดงเปิดบ้านถล่มไป 3-0 แม้ว่าก่อนหน้านี้เลสเตอร์จะทำผลงาน ได้ดีเลยทีเดียว โดยสามารถเก็บผลชนะได้ถึง 3 นัดติดต่อกันทุกรายการไม่ว่าจะเป็นนัดที่เอาชนะ แอสตันวิลล่าไป 2-4 และนัดที่เปิดบ้านถล่มสเปอร์ไป 4-1 แต่นัดนี้จะต้องรับมือกับ อาร์เซนอลที่เพิ่งจะคืนฟอร์มกลับมา เรียกว่าเจอของหนักติดๆกันเลยทีเดียว แถมจากสถิติ บ่งชี้ชัด ว่า 5 นัดหลังสุดที่เจอกัน เลสเตอร์สามารถมาเอาชนะได้เพียงแค่ นัดเดียว แถมโดนยิงไม่น้อยกว่าสองเม็ดทุกนัด ทั้งเหย้าและเยือน betflik ทางเข้า โดยหนสุดท้ายโดนยำใหญ่ไป 4-2 สถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนเชื่อว่าหลายคนนาทีนี้ก็คงบอกว่าปืนใหญ่มาเหนือกว่าเห็นๆ ยิ่ง ผลพรรคปืนโตอยู่ในสถาการณ์ลุ้นแชมป์ยิ่งต้องรักษาคะแนะเพื่อไม่ให้แมนซิตี้มามีคะแนนเบียดแซงอีกรอบ ดูทรงแล้ว ทีมเยือน อาร์เซน่อล น่าจะบุกเก็บชัยได้อย่างแน่นอน คงต้องมาลุ้นกันว่าจิ้งจอกสยามจะโดนยิงกี่ลูก ฟันธง ทีมเยือน
เจ้าบ้าน – จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กำลังเจอกับปัญหากองหลังที่เสียประตูง่ายมาก ไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลยมา 8 เกมติดต่อกันในลีค แถมเพิ่งจะเพิ่งจะบุกไปพ่ายให้กับ แมนฯยู 0-3 ในลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่มีผลเท่าไหร่กับสถาร์การตารางคะแนนในพรีเมียร์ลีค แต่นัดนี้ก็น่าจะสู้ไม่ถอยเต็มที่ เพื่อไม่ให้อันดับในตารางตกไปมากกว่านี้ สภาคความพร้อมของทีม เกมนี้จะยังไม่มี เจมส์ จัสติน , จอนนี่ อีแวนส์และไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่ยังบาดเจ็บยาวอยู่ แต่คาดว่า ยูริ เทเลมัน อาจจะได้กลับมายืนตัวจริงอีกครั้ง แน่นอนว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส วางหมากในระบบ 4-2-3-1 โดยยังจะใช้ แดนนี่ วอร์ด ลงเฝ้าประตูอย่างเคย ส่วนแผงหลังจะใช้ตัวหลักอย่าง เว้าต์ ฟาส และ ทิโมธี กาสตานเย่ และใช้ เตเต้, เจมส์ แม็ดดิสัน กับ คีแนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ เป็นสามประสานกลางรุก เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ยืนเป้าล่าสกอร์ เจมี่ วาร์ดี้ แม้จะเคยถล่ม ประตูอาร์เซนอลมาแล้ว 11 ประตูก็จะต้องนั่งสำรองไปก่อน
ทีมเยือน – เดอะกันเนอร์ อาร์เซน่อล ฟอร์มเก่งเริ่มกลับมาเพิ่งจะบุกเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 4-2 ถือว่าเป็นเกมหนึ่งของอาร์เซนอลที่มีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้แม้ว่าจะถูกนำไปก่อนถึงสองหน แต่สุดท้ายก็สามารถเอาชนะคว้าสามคะแนนเต็มไปได้ ทำให้งานนี้การมาเยือนคงต้องเดินหน้าคว้าชัยชนะต่อไปเพื่อยึดจ่าฝูงให้ได้ แต่สิ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยคือ อาร์เซนอลไม่สามารถรักษาคลีนชีทเป็น เกมที่ 6 ติดต่อกันมาแล้ว ซึ่งถ้าเป้าหมายคือการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค พวกเขาต้องทำให้ดีกว่านี้ สภาพความพร้อมของลูกทีม อาร์เตต้า เกมนี้จะยังคงไม่สามารถใช้งาน กาเบรียล เฮซุส กับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นแต่อาจจะได้ตัว โธมัส ปาร์เตย์กลับมาสู่สนามอีกครั้งต้องรอเช็ความฟิตอีกครั้ง คาดว่าจะจัดทัพในระบบ 4-3-3 นายประตูมือหนึ่งคงยังเป็น แอรอน แรมส์เดล แผงหลังตัวหลักใช้ วิลเลียม ซาลิบา และ กาเบรียล มากัลเญส ส่วนของเกมกองกลางทีมน่าจะใช้ จอร์จินโญ่ มาร์ติน โอเดการ์ด และ บูกาโย ซาก้า คอยเป็นตัวทำเกม บูกาโย่ ซาก้า, เอ็ดเวิร์ด เอ็นเคเตียห์ กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เป็นสามประสานแดนหน้าคอยล่าตาข่ายตามสูตร
11 Players
Leicester City (4-2-3-1): Ward; Castagne, Souttar, Faes, Kristiansen; Mendy, Tielemans; Tete, Dewsbury-Hall, Barnes; Iheanacho
Arsenal (4-3-3) : Ramsdale, White, Saliba, Gabriel, Zinchenko; Odegaard, Jorginho, Xhaka; Saka, Nketiah, Martinelli
Missing Players
Leicester City : Ryan Bertrand (Knee Surgery), Jonny Evans (Calf Injury), James Justin (Achilles tendon rupture)
Arsenal : Mohamed Elneny (Knee Injury), Gabriel Jesus (Knee Injury),Thomes (Muscle Injury)
สรุปทีเด็ด – สถิติการเจอกันที่ผ่านมาของทั้งสองทีมนั้น กรรมให้เป็นมติเอกฉันท์ให้เลยว่าทีมเยือน เด็ดมากกว่า 10 นัดหลังสุดไล่ต้อนเจ้าบ้านทุกนัด นั่นก็ด้วยความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของขนาดสโมสรและตัวผู้เล่น เปรียบดั่งเตะบอลกับเด็กน้อย สภาพความพร้อมของทีมเจ้าบ้านตัวหลักที่เจ็บเดิมอยู่แล้วก็ยังไม่สามารถลงเล่นได้ทั้งนั้น ทำให้อ่อนยวบลงกว่าเดิม ตอนนี้พวกเขารั้งอันดับ 17 ของลีค เหนือโซนตกชั้นแค่ 1 คะแนนเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีแววสะเหลือเกินเพราะฟอร์มช่วงหลังมานี่ลำบากตรากตรำอย่างต่อเนื่อง betflik ทางเข้า แต่ก็หาใช่ว่ามีแต่จุดอ่อนนะครับ เจ้าบ้านมีจุดที่จะพอแข็งอยู่บ้างคือ การเล่นในบ้านนี่แหละ ไม่ใช่แข็งเพราะว่าชนะตลอด แต่แข็งเพราะว่าเสียประตูในบ้านน้อย เฉลี่ยก็เสียนัดละ 1 ประตู ถือว่าโอเครเลยสำหรับทีมเล็กๆแบบนี้ แต่นัดนี้คงลำบากสุดๆเพราะทีมเยือนหลุดเสมอไปนัดที่แล้วทำให้โดนอาร์เซนอล จ่าฝูงทิ้งแต้มไปแล้ว ดังนั้นวันนี้ทีมเยือนจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว สภาพของทีมเยือนน่าเสียดายที่นั้ดที่ผ่านมาทำได้เสมอเท่านั้น เพราะพวกเขามีโอกาสจะใส่ลูกสองแต่ดันทำไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็เสียประตูให้เจ้าป่า จบเกมส์เสมอไป 1-1 ตอนนี้หมดทางเลือกแล้วสำหรับทีมเยือน ต้องชนะเพียงสถานเดียวเท่านั้น ฟอร์มการเล่นช่วงจบบอลโลกไม่เปรี้ยงปร้างดุดันเหมือนแต่ก่อน แต่ยังไงก็ยังเป็นแมนซิตี้อยู่ดี ที่พร้อมจะระเบิดลงคู่แข่งได้ตลอดเวลา เรื่องผู้เล่นก็ไม่มีัญหา ตัวพร้อมมาก ทีเด็ดก็ให้ไปที่ เดอบรอยด์ และฮาแลนด์เลย ที่จะเปิดและจบสกอร์ให้กับทีมในวันนี้ ด้วยทั้งความพร้อมและฟอร์มการเล่นยังไงสะทีมเยือนก็เหนือกว่าหลายขุม แบบนี้แล้วขอฟันธงให้ทีมเยือนกลับมาเก็บชัยไล่ล่าแชมป์ต่อไป
เจ้าบ้าน – บอร์นมัธ เอฟซี สถานการ์ณในตอนนี้ดูแล้วเหนื่อยอย่างแน่นอน ตอนนี้เล่นมา 23 นัด ชนะ 5 นัด เสมอ 6 นัดและแพ้ไป 12 นัด อยู่เหนือโซนตกชั้นแค่ 1 แต้มเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าดูฟอร์มการเล่นในช่วงหลังต้องบอกว่าเหมือนจะทำได้ดีขึ้นนิดหน่อย เพราะแพ้น้อยลง แต่หากดูนับจากแมตซ์นี้เป็นต้นไป ที่พวกเขาจะต้องเล่นด้วยทั้งวันนี้ แมนซิตี้ ต่อด้วยอาร์เซนอล ตามด้วยลิเวอร์พูล แล้วเจอแอสตันวิลล่า และต่อด้วยฟูแล่ม ลำบากทุกนัดเลย ซึ่งดูแล้วมีสัก 3 คะแนนจากที่กล่าวมาได้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว สืบเนื่องด้วยตัวผู่เล่นก็ค่อนข้างจะจำกัดแถมยังมาเจ็บเสียอีก แบบนี้จะเอาอะไรไปสู้ทีมเยือนในวันนี้ ฟอร์มก็ใช่ว่าจะดีเลิศ แถมทีมเยือนกำลังบดบี้ลุ้นแชมป์กันอยู่ด้วย ดูแล้วทั้งศักยภาพเรื่องผู้เล่น และความพร้อมไม่มีอะไรที่จะสู้ทีมเยือนได้เลย ก็จริงอยู่ว่าพวกเขาในบ้านก็พอจะทำได้ดีอยู่บ้างเพราะถ้านับดูเสียไปแค่ 12 ประตู แต่นั่นก็เท่ากับว่าเสียทุกนัดในบ้านเหมือนกัน แถมการไปเยือนซิตี้ในเกมส์แรกที่เจอกันก็โดนใส่มา 4 ดอกส์เน้นๆ ดูแล้วเฮียบอกเลยว่าวันนี้ลำบาก ยากที่จะเสมอ ไม่ต้องพูดถึงชนะเลยเป็นไปไม่ได้ โดนไม่ต่ำกว่าสามแน่นอน อาจมีปลอบใจยิงได้สักลูก
ทีมเยือน – เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากจบบอลโลกมาก็พยามยามทำแต้มไล่จี้จ่าฝูงอาร์เซนอลมาตลอด เกือบจะได้แต่ก็ไม่ได้สะที จังหวะนัดที่ควรทำแต้มได้ก็จังหวะนรกทุกที นั่นเลยทำให้แต้มยังตามจ่าฝูงอยู่ 2 คะแนน และแข่งมากกว่า 1 นัดสะด้วย นอกจากไล่จ่าฝูงไม่ได้แล้ว ยังโดนเพื่อนรักร่วมเมืองทำแต้มไล่บี้ขยี้ตูดมาแล้ว เหลือแค่ 3 คะแนนเท่านั้นและแข่งเท่ากันสะด้วย ทำให่เหมือนตอนนี้โดนแซนวิชยังไงก็ไม่รู้ ในแง่ของตัวผู้เล่น โคตรทีมอย่างซิตี้ไม่มีปัญหาอย่างใด นักเตะพร้อมเพรียงเรียงหน้ามาให้ใช้งาน ปัญหามันชอบอยู่ที่วันไหนเกิดดวงไม่ดี ยิงยังไงก็ไม่เข้าจริงๆ ครองบอลเยอะแต่เหมือนตัน เมื่อครองบอลไปมาแล้วดันสูง พอจ่ายบอลพลาดพวกเขามักจะโดนลงโทษทันที ความจริงแนวหลังของพวกเขาเองก็มักจะพลาดออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ยิ่งช่วงหลังนี่เริ่มเห็นบ่อย เลยทำให้สถานการ์ณมันเลยเป็นแบบตอนนี้ ว่ากันเรื่องฟอร์มแม้จะเข้าๆออกๆ แต่ยังไงสะก็ดีกว่าเจ้าบ้านหลายขุมนรกนัก วันนี้ถ้าใส่แบบเต็มๆ แน่นอนว่าไม่พลาด ขึ้นอยู่กับเป๊ปเองว่าจะจัดแบบไหน เพราะเกมส์กลางสัปดาห์ UCL รอบ 16 ทีมก็เพิ่งจะเตะกับไลบ์ซิกมา ทำให้อาจจะมีล้าบ้าง เพราะกับเจ้าป่านัดก่อนหน้านี้ก็บดบี้หนักเพื่อเอาลูกสอง ก็ไม่แน่ว่าเป๊ป อาจจะพักตัวหลักบางคน แต่แน่นอน ฮาแลนด์ จะยืนค้ำหน้าอยู่ ดังนั้นแฟนซิตี้ก็สบายใจได้ ขอแค่จังหวะมาเขาสามารถใส่สกอร์ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นขอฟันธงซิตี้บุกมาอัดยับ ไล่จี้อาร์เซนอล ขยับห่างแมนยู แน่นอน
11 Players
Bournemouth (4-2-3-1) – Neto – Zemura – Senesi – Stephens – Smith – Billing – Lerma – Traore – Quattara – Tavernier – Solanke
Man City (4-3-3) – Ederson – Walker – Laporte – Dias – Gomez – Rodri – Silva – De Bruyne – Grealish – Mahrez – Haaland
Missing Players
AFC Bournemouth – Ryan Fredericks (Knock), David Brooks (Fitness), Lewis Cook (Knee Injury), Ilya Zabarnyi (Unknown Injury), Dominic Solanke (Knee Injury)
Manchester City – ไม่พบรายงานบาดเจ็บ หรือติดโทษแบน
สรุปทีเด็ด – ตอนนี้เจ้าบ้านคริสตัลพาเลซ กำลังผลงานไม่ดีตามหาชัยชนะไม่เจอ ไม่ชนะมายาว 7 เกมลีกท้าย โดยเสมอ 4, แพ้ 3 แถมโดนทะลวงไปยับเยินถึง 10 ลูก อยู่อันดับที่ 12 ของตาราง ส่วนทีมเยือน ลิเวอร์พูลผลงานในลีค เยี่ยมด้วยการบุกไปเอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้ถึงถิ่น 2-0 แต่ผลงานล่าสุด แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ถึง 2-5 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ขุมกำลังก็ได้ตัวเจ็บกลับมาพร้อมลงสนามได้อีกครั้ง betflik ทางเข้า น่าจะทำให้ผลงานดีขึ้นกว่าเดิม คู่นี้เจอกันตั้งแต่ต้นฤดูกาลแล้วก็จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 นัดนี้จะกลับมาเจอกันอีกครั้งโดย ถ้าลิเวอร์พูลยังอยากได้พื้นที่ไปเล่น ยูโรป้าลีค พวกเค้าต้องเอาชนะเก็บ 3 แต้มให้ได้เพื่อจะได้แซง ฟูแล่มขึ้นไปอยู่อันดับที่ 6 นัดนี้คาดว่าจะเป็นเกมส์ ที่ช่วยกู้หน้าเรียกความมั่นใจคืนมาหลายจากที่พลาดท่าแพ้ไปในนัดที่แล้ว ในเกมยุโรป เกมส์รุกยังคงดุดันหวังผลในการยิงได้แม้จะยังมีปัญหาบ้างในแนวรับแต่เจ้าบ้านซึ่งตอนนี้ก็ มีฟอร์มแย่ไม่แพ้กันเกมส์รุกไม่น่ากลัวยิงประตูคู่แข่งเกินนัดละลูกไม่ได้มานานแล้ว แผงหลังหงส์แดงน่าจะเอาอยู่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่า ลิเวอร์พูลจะปิดสกรอ์ได้เฉียบคมขนาดไหน เมื่อพิจารณาจากภาพรวม คิดว่า ฟันธง หงส์แดงจะบุกมาเก็บชัยชนะ และรักษาโอกาสในการลุ้นท็อปโฟร์ต่อไป แน่นอน
เจ้าบ้าน – คริสตัล พาเลซ ของกุนซือ ปาทริค วิเอร่า เกมล่าสุดทำได้เพียงบุกเจ๊า เบรนท์ฟอร์ด 1-1 ในลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ออกนำไปได้ก่อน แต่ก็มาโดนตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เก็บมาได้เพียงหนึ่งแต้มอย่างน่าเสียดาย ปัจจุบันอันดับยังอยู่แถวกลางตารางไม่ได้มีลุ้นอะไรมากนัก ฟอร์มการเล่น 5 เกมหลังสุดถึงแม้จะแพ้แค่เกมเดียว แต่ก็เสมอไปถึง 4 เกมและไม่ชนะใครในลีกมา 7 เกมติดต่อกันแล้ว สำหรับความพร้อมของทีมก่อนลงเตะ จะไม่มีชื่อ ซามูเอล จอห์นสโตน, นาธาน เฟอร์กูสัน กับ วิลฟรีด ซาฮา สามแข้งเดี้ยงที่ไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด การหายไปของ วิลฟรีด ซาฮา ส่งผลต่อความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้ายอย่างชัดเจน ส่วนโจเอล วอร์ด และเจมส์ ทอมกิ้นส์ ต้องรอเช็คความฟิต มีโอกาสจะกลับมาช่วยทีมได้ ไทริค มิตเชลล์ ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อคาดว่าจะหายทันพร้อมลงตัวจริง เตรียมวางหมากในระบบ 4-2-3-1 โดยมี ฌ็อง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ออกสตาร์ทยืนเป้าล่าสกอร์และใช้ ไมเคิ่ล โอลิเซ่, จอร์แดน อายิว กับ เจฟฟรี่ย์ ชลุ๊ปป์ เป็นสามประสานกลางรุกคอยซัพพอร์ตอยู่ด้านหลังตามระเบียบ
ทีมเยือน – เฮฟวี่เมทัล ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผลงานกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ รูปเกมวิธีการเล่นดูดีกว่าช่วงที่ผ่านมา บุกไปเอาชนะนิวคาสเซิล 0-2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนเกมล่าสุดในบอลยุโรปเป็นฝ่ายแพ้คาบ้่านให้กับ เรอัลมาดริด 2-5 ต้องไปลุ้นกันต่อในนัดที่สอง โอกาสลุ้นท็อปโฟร์กลับมามีหวังอีกครั้ง ตัวหลักก็กลับมาเกือบครบมีอาวุธให้เลือกใช้หลากหลาย ปัญหาใหญ่อยู่ที่เกมรับเล่นกันไม่ละเอียด มา สำหรับความพร้อมของทีมก่อนลงสนาม คัลวิน แรมซีย์ ปิดเทอมยาว หลุยส์ ดิอาซ, ธิอาโก้ อัลคานตาร่า และ แคลวิน แรมเซย์ ยังไม่หายดี ส่วนกองหลัง อิบราฮิมา โกนาเต้ กลับมาเริ่มซ้อมได้แล้วแต่อาจจะยังเร็วเกินไป เกมนี้คาดว่า คล็อปป์ น่าจะยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมเป็นหลัก เตรียมจัดทัพในระบบ 4-3-3 โดยมี โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โคดี้ กั๊คโป กับ ดาร์วิน นูนเญซ เป็นสามประสานแดนหน้าคอยล่าตาข่ายตามสูตร
11 Players
Crystal Palace (4-2-3-1): Guaita; Clyne, Andersen, Guehi, Mitchell; Olise, Doucoure, Hughes, Eze; Ayew, Edouard
Liverpool (4-3-3) : Alisson; Alexander-Arnold, Matip, Van Dijk, Robertson; Henderson, Fabinho, Keita; Salah, Nunez, Jota
Missing Players
Crystal Palace: Nathan Ferguson (Achilles tendon problems),J.Ward (Calf Injury), W.Zaha (Hamstring Injury), S. Johnstone (Calf Injury)
Liverpool: Arthur Melo (Surgery), Luis Díaz (Knee Injury), Calvin Ramsay (Knee Surgery) I. Konate (Hamstring Injury),Thiago (Muscle Injury), Joe Gomez (Knock Injury)
รายการ | ทีมพิฆาต |
---|---|
สเตป 3 (ชุดแรก) | เลสเตอร์ ซิตี้ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - ลิเวอร์พูล |
สเตป 3 (ชุดสอง) | เอฟเวอร์ตัน - ลีดส์ ยูไนเต็ด - น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ |
สเตป 4 | น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ – ลิเวอร์พูล – เอฟเวอร์ตัน - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |